และเมื่อย้อนความไปในอดีต ป้าแอ๊วได้เล่าว่า ความเป็นจริงแล้ว แหล่งค้าขายอาหารทะเลที่เฟื่องฟูในสมัยก่อน หาใช่พัทยา หรือตลาดที่ไหนไม่ หากแต่มันเป็นที่นาเกลือแห่งนี้นี่เอง
“สมัยก่อนที่ยังไม่มีพัทยา อาหารตามโรงแรมต้องมาซื้อที่นี่ คึกคักมากเลยตลาดที่นี่ ตีหนึ่งตีสองก็เปิดละนะ ปลานี่เป็นปลาเลย ปูสด หวาน กรอบ” ป้าแอ๊วเล่าด้วยน้ำเสียงแจ่มใส เมื่อย้อนถึงวันวาน
แต่ด้วยความเจริญของการท่องเที่ยวในพัทยา ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากทหารจีไอที่หลั่งไหลเข้าประเทศไทยช่วงสงครามเวียดนาม เมืองที่ขยายขึ้น ได้พัดพาความเจริญมาในท้องที่โดยรอบ ทำให้สายลมแห่งความคึกคักบริเวณนี้ เงียบหายไปตามกาลเวลา จนกระทั่งการเกิดขึ้นของงานประจำปีงานหนึ่ง ที่ทำให้ชุมชนตลาดเก่านาเกลือกลับมามีสีสันเกิน 1 ทศวรรษแล้ว
“งานเดินกินถิ่นนาเกลือ” คือตลาดกลางคืนแนว ๆ ถนนคนเดินที่ถูกจัดขึ้น 14 ปีมาแล้ว ซึ่งสตอรี่ของถนนคนเดินแห่งนี้ ผ่านสายตาของป้าแอ๊วมาตั้งแต่ Day 1 เช่นกัน
“โต้โผหลักที่ทำให้เกิด คือคนในตลาดนี่แหละเสนอขึ้นไป ประชาชนล้วน ๆ เลย ไม่ใช่ว่าเขาสั่งลงมา ครั้งแรกที่จัดก็คนเยอะนะ เพราะมันไม่เคยมีตลาดกลางคืน แล้วคนที่มาที่นี่คือต้องการมากินอาหารทะเล ร้อยละ 99 คือมากินอาหาร เพราะถูกและสด”
ซึ่งจากที่เราได้เดินสำรวจร้านรวง และของกินที่ขนกันมาแบบจัดเต็มจากชาวบ้านชุมชนตลาดนาเกลือ ก็ต้องบอกว่ามีให้เลือกซื้อกันไม่หวาดไม่ไหว สองข้างทางที่ป้าแอ๊วเดินนำเราไป มีทั้งอาหารทะลปิ้งย่าง, ห่อหมก, พริกยัดไส้หมู ร่ายยาวไปจนหมูหันยันสตรีทฟู้ดนานาชนิด ที่เรียงรายอยู่มากมายทั้งเส้นทาง
นอกจากนี้ ป้าแอ๊วยัง Add หมึกผัดน้ำดำ, ทอดมันปู, ปลาต้มมะกอกน้ำ และห่อหมกคุณอรุณี ไว้ในลิสต์ที่อยากให้เราไปชิมด้วย รวมถึงร้านต่ายซีฟู๊ด, เจ๊น้องสะพานยาว และนายแจ็ครสเด็ด ที่เราก็ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนนาเกลือเช่นกัน
งานเดินกินถิ่นนาเกลือ ประสบความสำเร็จทุกครั้งที่จัด แม้ในระยะหลังจะย่นระยะเวลาจัดงานเหลือเพียง 2 เดือนต่อปี จากที่เมื่อก่อนมียาวถึง 3 เดือน แต่ดูจากความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว และคำกล่าวของป้าแอ๊วที่ว่า ยุคโควิด-19 มาเยือน ก็ยังมีคนมาเที่ยว และมีคนกลับมาซ้ำ ก็น่าจะเป็นมาตรวัดชั้นดีว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวชุมชน มันผลิดอกออกผลได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราซักถามป้าแอ๊วถึงอนาคตของท้องที่แห่งนี้ ว่าอยากเห็นอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่ ป้าแอ๊วก็ตอบอย่างไม่ลังเล ว่าเธอต้องการการพัฒนาเชิงท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมากกว่าการทำตลาดกลางคืนด้วย
จากบทสนทนาที่เพิ่มดีกรีความเข้มขึ้น ป้าแอ๊วยังเอ่ยถึงเรื่องการอนุรักษ์ทะเลและชายฝั่งไว้ด้วย เพราะอีกจุดขายของนาเกลือคือปูทะเลที่ป้าแอ๊วการันตีว่าอร่อยที่สุดในโลก แต่ปูและสัตว์น้ำชายฝั่ง ต้องการทรายและน้ำที่ดี เพื่อการเติบโตของมันในอนาคต
ก่อนจากกัน ป้าแอ๊วก็เชิญชวนผ่าน #ChonsDo ทางเพจ ททท.สำนักงานพัทยา มาว่า อยากให้ทุกคนลองแวะมางานเดินกินถิ่นนาเกลือ แล้วคุณจะได้เห็นอาหารทะเลสด ๆ หมึกตัวใหญ่ ๆ กุ้งเนื้อเด้ง ๆ และที่สำคัญต้องมาลองกินปูที่อร่อยที่สุดในโลก และน้ำจิ้มที่ “โคตร” อร่อยไปสามโลก ตามคำบอกเล่าของนักท่องเที่ยวที่บอกป้าแอ๊วไว้
สุดท้ายนี้ เราก็ขอฝากเสน่ห์ที่ไม่มีใครเหมือนของชุมชนตลาดเก่านาเกลือไว้ด้วย นี่เป็นอีกหนึ่งเช็คพอยต์ที่ไม้ควรพลาดยามมาเยือนชลบุรีจริง ๆ ซึ่งงานเดินกินถิ่นนาเกลือ ครั้งที่ 14 จะมีจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2566 ใครอยากสัมผัสฟีลสตรีทฟู๊ดสบาย ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็ขอแนะนำเลย ส่วนใครที่อยากลองไปกินอาหารทะเลที่เป็นเต้ยอีกหนึ่งที่ ก็ลองไปตามลายแทงที่ป้าแอ๊วให้ไว้ได้เลย
หรือใครอยากจะแวะไปทักทายป้าแอ๊วที่ร้านมหากรีก็ได้นะ แกคงดีใจน่าดูเลยแหละ